From workaholic to jobless...จากคนบ้างานสู่คนว่างงาน
I've been out of job for almost a month now. Most of people asked me why I quitted before I got a new job. What and how I can possibly put into words? It wasn't my intention to leave the job I love so much. It wasn't my intention to leave my beloved team. But once I reconsidered , it might be a good choice to leave at this time. Leave it now when all a good memories were still bright and beautiful, rather than when there's nothing nice to remember.
For over 2 years of dedication, I admit that I might not be a good and nice team leader, I might not be a perfect person. I did mistakes but I tried my best and I worked hard. People would ask me what was my achievement during the time I worked there. I replied, the time when my staffs accepted me as their leader. I remember a day that one of my staff said to me with his angry tone, "You still have a lot to prove!". Until a day another one said, "I didn't like the way you worked before but I like you now. You have improved a lot.". As a supervisor, you might not care if your staffs would approve you. But as a human being, it's a big relief that you're accepted by your team.
For over 2 years of working, it might be a short period but I learnt and had so much of experience including so much of good memories. There was a tough time and a great time. There was conflicts and happiness. There was tears and smile. There was an incredible lovely team. There was a problem. There was a doubt. I don't have any comment at this point about what went wrong. But I, of course, have a doubt. Would it be possible to change for a better? I've never been afraid of a change only if it's for a better. But has it been anything good since? I worked so hard and this was I received in return? I had a doubt...
There was a doubt, why? I don't expect any explanation now. I passed the point of aggrieved, confused and furious already. At this moment, I move on. There's still a problem which needs to be fixed and more important than what I left behind. An international company with a Thai great management team, I'm sure you can figure that out what needs to be done.
I would like to have this space to thank everyone who helped me made it through those difficult times. Thank you for your cooperation, for your love and care. Thank you for advise. Thank you for a wonderful memories. Thank you for your friendship. Thank you for the opportunity and most of all thank you for being patient with me and let me improve myself.
It's been a month and it's time to let go of those negative vibe. You guys will always be in my heart and surely will always be a part of my life. I wish you luck...
Love,
ผ่ามมา 1 เดือนแล้วกับการที่อยู่ในสถานะ "คนว่างงาน" คนส่วนมากจะถามว่า ทำไมถึงรีบออกจากงานมาโดยที่ไม่มีงานอื่นรองรับก่อน มันเป็นคำถามที่ชวนให้อึดอัดมากนะ เพราะไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาเป็นคำตอบที่ดีที่สุดได้ยังไง อยากจะตอบว่าแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นความตั้งใจของตัวเองที่จะออก ไม่ได้มีความประสงค์จะทิ้งงานที่ตัวเองรักมาก ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งน้องๆและเพื่อนร่วมงานที่รักไปไหนเลย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อมาคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้ที่เดินจากมาตอนนี้ ตอนที่ความทรงจำทุกอย่างยังสวยงาม ดีกว่าเดินออกมาตอนที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ...
2 ปีกว่ากับการทำงานอย่างทุ่มเท ทั้งแรงใจและแรงกายยอมรับว่าอาจจะไม่ใช่หัวหน้าที่น่ารักของน้องๆ อาจจะไม่ใช่หัวหน้าที่ดีที่สุด แต่ฉันก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว คนมักจะถามว่า อะไรคือความสำเร็จสูงสุดที่ได้รับระหว่างการทำงาน ฉันตอบไปว่ามันคือการที่เราได้รับการยอมรับจากลูกน้องว่าเราเป็นหัวหน้าเขา ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของทีม จำได้ว่ามีอยู่วันนึงน้องพูดว่า "พี่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะนะ!" เขาพูดด้วยอารมณ์โมโห ฉันก็หน้าชาไป จนถึงวันที่มีคนมาบอกว่า เมื่อก่อนเขาไม่ชอบการทำงานของเราเลย แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้ว เขาเห็นแล้วว่าฉันมีพัฒนาการมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หัวหน้างานส่วนมากอาจจะไม่สนใจและคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมาให้ลูกน้องยอมรับเพราะเราเป็นหัวหน้า เรามีสิทธิ์ในการบริหารงาน แต่ในฐานะคนธรรมดาคนนึง การได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนกลุ่มนึงมันมีความหมายมากในด้านของจิตใจ มันทำให้เรามีกำลังใจและทำให้การทำงานมันราบรื่นมากขึ้น
2 ปีกว่าๆ อาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่มันช่วยสอนอะไรหลายๆอย่างได้ดี อีกทั้งยังมอบความทรงจำที่ดีๆให้ฉันอีกด้วย 2 ปีที่ผ่านมานั้น มันมีทั้งช่วงเวลาที่ยากลำบากและช่วงเวลาที่สนุกสนาน มีทั้งการไม่เข้าใจกันแต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีมาตลอด มันมีทั้งความสุข ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา มีปัญหามากมายทั้งที่แก้ไขแล้วและที่รอการแก้ไขอยู่ มีน้องๆที่น่ารัก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มาถึงจุดนี้ฉันไม่ขอออกความเห็นใดๆอีกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่แน่นอนว่ามันมีข้อสงสัย คนเรามีสิทธิ์สงสัย ฉันเองก็มีข้อสงสัย...
ฉันไม่เคยกลัวการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่ที่ผ่านมาฉันสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมันทำให้อะไรดีขึ้นแล้วบ้าง เมื่อมาถึงจุดนี้ฉันคงไม่ต้องการให้ใครมานั่งอธิบายให้ฟังอีกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น และ "ทำไม" ฉันผ่านจุดที่ท้อแท้และเสียใจ จุดที่โกรธและสับสนมาแล้ว ตอนนี้ฉันมานั่งนึกถึงคำที่เพื่ิอนฉันเคยพูดว่า "เธอจะทำงานอะไรมากมายนัก มีใครเขาเห็นสิ่งที่เธอทำรึเปล่า มีใครเขาขอบคุณเธอมั๊ย" นี้และคือคำขอบคุณที่ฉันได้รับ...
มาถึงวันนี้ฉันก็คงต้องก้าวต่อไป เพราะฉันเองก็มีปัญหาของฉันที่สำคัญกว่าการมานั่งหาคำตอบว่า "ทำไม" เรื่องนั้นก็คงต้องปล่อยให้คนอื่นจัดการกันต่อไป
มาถึงตรงนี้อยากจะกล่าวคำขอบคุณกับทุกๆคนที่อยู่ข้างกันมา ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ทั้งความรักและความห่วงใย ทั้งคำปรึกษาและคำพูดที่ตรงไปตรงมา ขอโทษที่อาจจะเคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจ และยกโทษให้สำหรับคนที่เคยทำให้ฉันโกรธและผิดหวัง ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ทำให้ได้มามีส่วนร่วมในครอบครัวเล็กๆแห่งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ทุกคนจะอยู่ในใจฉันเสมอ
ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะก้าวต่อไปและเลิกเฝ้าหาคำตอบให้กับคำถามที่ไม่รู้ใครจะช่วยตอบให้ฉันได้ ฉันก็ขออวยพรให้ทุกคนๆ ให้เจอแต่สิ่งดีๆ สู้ๆ และอดทน เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ
รัก,
For over 2 years of dedication, I admit that I might not be a good and nice team leader, I might not be a perfect person. I did mistakes but I tried my best and I worked hard. People would ask me what was my achievement during the time I worked there. I replied, the time when my staffs accepted me as their leader. I remember a day that one of my staff said to me with his angry tone, "You still have a lot to prove!". Until a day another one said, "I didn't like the way you worked before but I like you now. You have improved a lot.". As a supervisor, you might not care if your staffs would approve you. But as a human being, it's a big relief that you're accepted by your team.
For over 2 years of working, it might be a short period but I learnt and had so much of experience including so much of good memories. There was a tough time and a great time. There was conflicts and happiness. There was tears and smile. There was an incredible lovely team. There was a problem. There was a doubt. I don't have any comment at this point about what went wrong. But I, of course, have a doubt. Would it be possible to change for a better? I've never been afraid of a change only if it's for a better. But has it been anything good since? I worked so hard and this was I received in return? I had a doubt...
There was a doubt, why? I don't expect any explanation now. I passed the point of aggrieved, confused and furious already. At this moment, I move on. There's still a problem which needs to be fixed and more important than what I left behind. An international company with a Thai great management team, I'm sure you can figure that out what needs to be done.
I would like to have this space to thank everyone who helped me made it through those difficult times. Thank you for your cooperation, for your love and care. Thank you for advise. Thank you for a wonderful memories. Thank you for your friendship. Thank you for the opportunity and most of all thank you for being patient with me and let me improve myself.
It's been a month and it's time to let go of those negative vibe. You guys will always be in my heart and surely will always be a part of my life. I wish you luck...
Love,
ผ่ามมา 1 เดือนแล้วกับการที่อยู่ในสถานะ "คนว่างงาน" คนส่วนมากจะถามว่า ทำไมถึงรีบออกจากงานมาโดยที่ไม่มีงานอื่นรองรับก่อน มันเป็นคำถามที่ชวนให้อึดอัดมากนะ เพราะไม่รู้จะเรียบเรียงออกมาเป็นคำตอบที่ดีที่สุดได้ยังไง อยากจะตอบว่าแท้จริงแล้วไม่ได้เป็นความตั้งใจของตัวเองที่จะออก ไม่ได้มีความประสงค์จะทิ้งงานที่ตัวเองรักมาก ไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งน้องๆและเพื่อนร่วมงานที่รักไปไหนเลย แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น เมื่อมาคิดดูอีกที มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วก็ได้ที่เดินจากมาตอนนี้ ตอนที่ความทรงจำทุกอย่างยังสวยงาม ดีกว่าเดินออกมาตอนที่ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ...
2 ปีกว่ากับการทำงานอย่างทุ่มเท ทั้งแรงใจและแรงกายยอมรับว่าอาจจะไม่ใช่หัวหน้าที่น่ารักของน้องๆ อาจจะไม่ใช่หัวหน้าที่ดีที่สุด แต่ฉันก็ได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว คนมักจะถามว่า อะไรคือความสำเร็จสูงสุดที่ได้รับระหว่างการทำงาน ฉันตอบไปว่ามันคือการที่เราได้รับการยอมรับจากลูกน้องว่าเราเป็นหัวหน้าเขา ว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของทีม จำได้ว่ามีอยู่วันนึงน้องพูดว่า "พี่ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกเยอะนะ!" เขาพูดด้วยอารมณ์โมโห ฉันก็หน้าชาไป จนถึงวันที่มีคนมาบอกว่า เมื่อก่อนเขาไม่ชอบการทำงานของเราเลย แต่ตอนนี้เขายอมรับแล้ว เขาเห็นแล้วว่าฉันมีพัฒนาการมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น หัวหน้างานส่วนมากอาจจะไม่สนใจและคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องมาให้ลูกน้องยอมรับเพราะเราเป็นหัวหน้า เรามีสิทธิ์ในการบริหารงาน แต่ในฐานะคนธรรมดาคนนึง การได้รับการยอมรับจากกลุ่มคนกลุ่มนึงมันมีความหมายมากในด้านของจิตใจ มันทำให้เรามีกำลังใจและทำให้การทำงานมันราบรื่นมากขึ้น
2 ปีกว่าๆ อาจจะดูเหมือนไม่นาน แต่มันช่วยสอนอะไรหลายๆอย่างได้ดี อีกทั้งยังมอบความทรงจำที่ดีๆให้ฉันอีกด้วย 2 ปีที่ผ่านมานั้น มันมีทั้งช่วงเวลาที่ยากลำบากและช่วงเวลาที่สนุกสนาน มีทั้งการไม่เข้าใจกันแต่ทุกอย่างก็จบลงด้วยดีมาตลอด มันมีทั้งความสุข ทั้งเสียงหัวเราะและน้ำตา มีปัญหามากมายทั้งที่แก้ไขแล้วและที่รอการแก้ไขอยู่ มีน้องๆที่น่ารัก มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มาถึงจุดนี้ฉันไม่ขอออกความเห็นใดๆอีกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ว่าอะไรที่เป็นสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดนี้ แต่แน่นอนว่ามันมีข้อสงสัย คนเรามีสิทธิ์สงสัย ฉันเองก็มีข้อสงสัย...
ฉันไม่เคยกลัวการเปลี่ยนแปลง ถ้าหากว่ามันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แต่ที่ผ่านมาฉันสงสัยว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมันทำให้อะไรดีขึ้นแล้วบ้าง เมื่อมาถึงจุดนี้ฉันคงไม่ต้องการให้ใครมานั่งอธิบายให้ฟังอีกแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น และ "ทำไม" ฉันผ่านจุดที่ท้อแท้และเสียใจ จุดที่โกรธและสับสนมาแล้ว ตอนนี้ฉันมานั่งนึกถึงคำที่เพื่ิอนฉันเคยพูดว่า "เธอจะทำงานอะไรมากมายนัก มีใครเขาเห็นสิ่งที่เธอทำรึเปล่า มีใครเขาขอบคุณเธอมั๊ย" นี้และคือคำขอบคุณที่ฉันได้รับ...
มาถึงวันนี้ฉันก็คงต้องก้าวต่อไป เพราะฉันเองก็มีปัญหาของฉันที่สำคัญกว่าการมานั่งหาคำตอบว่า "ทำไม" เรื่องนั้นก็คงต้องปล่อยให้คนอื่นจัดการกันต่อไป
มาถึงตรงนี้อยากจะกล่าวคำขอบคุณกับทุกๆคนที่อยู่ข้างกันมา ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่าง ทั้งความรักและความห่วงใย ทั้งคำปรึกษาและคำพูดที่ตรงไปตรงมา ขอโทษที่อาจจะเคยทำอะไรให้ใครไม่พอใจ และยกโทษให้สำหรับคนที่เคยทำให้ฉันโกรธและผิดหวัง ขอบคุณสำหรับโอกาสที่ทำให้ได้มามีส่วนร่วมในครอบครัวเล็กๆแห่งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ทุกคนจะอยู่ในใจฉันเสมอ
ผ่านมา 1 เดือนแล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะก้าวต่อไปและเลิกเฝ้าหาคำตอบให้กับคำถามที่ไม่รู้ใครจะช่วยตอบให้ฉันได้ ฉันก็ขออวยพรให้ทุกคนๆ ให้เจอแต่สิ่งดีๆ สู้ๆ และอดทน เราจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ
รัก,
Comments